ยางเป็นส่วนประกอบสำคัญยิ่งของรถเพราะมันเป็นส่วนเดียวที่ติดอยู่กับพื้นโลกด้วยการยึดเกาะถนนขณะที่รถวิ่งอยู่ หากว่ายางไม่มีประสิทธิภาพ การควบคุมรถจะทำได้ไม่ดี ยิ่งเจอกับถนนที่ลื่น ด้วยแล้วยิ่งอันตราย อาการแตะเบรคแล้วรถลื่นไถลไม่ยอมหยุด หรือ ขณะที่ไหลเข้าโค้งเกิดสไลด์ลื่นซะจนหูติดดิน อาการเหล่านี้ยางรถเป็นส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้น อีกส่วนเป็นจังหวะการเบรคของผู้ขับขี่เอง หลายคนมักเน้นหนักไปทางเบรคหลัง ซึ่งเป็นการคิดและปฏิบัติที่ผิดวิธี ทั้งสองเป็นสาเหตุของการ" เบรคแล้วลื่นไถล " การแก้ไขในกรณีที่ยางหมดสภาพก็เพียงเปลี่ยนยางใหม่ที่เหมาะสมกับสถาพของท้องถนนและลักษณะการขับขี่ ที่สำคัญต้องเลือกยางที่มีคุณภาพ รวมทั้งต้องตรวจเช็คแรงดันลมยางให้ถูกต้องตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้ด้วย โดยทั่วไปความดันลมยางที่ใช้คือ • หน้า 28 ปอนด์ / ตารางนิ้ว • หลัง 32 ปอนด์ / ตารางนิ้ว การเติมลมที่พอเหมาะจะทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนเต็มที่ตลอดเส้นการสึกหรอเป็นไปอย่างสม่ำเสมอเท่ากันตลอดทั้งเส้น แน่นอนว่าช่วยให้อายุการใช้งานของยางยาวนานได้ หากเติมลมอ่อนเวลาขับขี่มีน้ำหนักบรรทุกลงพื้นที่ที่สัมผัสถนนจะเป็นเพียงด้านข้างของยางเท่านั้น ดอกยางด้านข้างจะสึกมากกว่า ถ้าความดันลมยางแข็งเกินไปทำให้ยางตึงตัว พื้นที่ในการสัมผัสถนนจะมีเฉพาะตรงกลางเท่านั้น หน้ายางจะสึกมากกว่า ดังนั้นจึงควรเติมลมให้พอดี อีกกรณีหนึ่งที่ต้องแก้ไขเพื่อไม่ให้เบรคแล้วลื่นไถล คือ " จังหวะการเบรค" ให้ท่านปฏิบัติดังนี้ เวลาหยุดรถในระยะกระชัดชิดให้ใช้เบรคหน้าให้มากกว่าประมาณ 70 % โดยค่อยๆกดน้ำหนักลง อย่ากระแทกเด็ดขาด เบรคหลังไม่ต้องกดหนักมากแค่กดเบรคประคองรถและช่วยเบรคหน้าชะลอความเร็วของรถให้น้อยจนหยุด ส่วนเรื่องการถอนเกียร์นั้นไม่ควรทำ เพราะจะทำให้ท้ายรถปัดได้ง่ายขึ้น ให้รถหยุดสนิทเสียก่อน แต่ในเหตุการณ์มันจะเกิดเร็วมาก ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท มีสติตลอดเวลาขณะขับขี่รถ ใช้ความเร็วไม่มากเกินที่จะควบคุมรถให้หยุดได้ และการแต่งกายต้องพร้อมโดยเฉพาะหมวกกันน๊อค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น